หลักการมัดหางบั้งไฟ

หลักการมัดหางบั้งไฟ

บั้งไฟสองนิ้ว

บั้งไฟสองนิ้ว

บั้งไฟ
      จากรูปที่เห็น ภาพตัดที่เห็นบั้งไฟขนาดสองนิ้ว จะเห็นว่ารูของบั้งไฟจะมีขนาดแตกต่างกันและในแต่ละรูจะมีความยาวไม่เท่ากันมารู้จักสาเหตุที่รูที่ขนาดแตกต่างกันไป
  1. ในระบบของบั้งไฟนั้น เชื้อเพลิงที่ขับเคลื่อนให้มันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็นเครื่องยนต์แบบแข็ง
  2. ต้องการให้การเผาไหม้ ในห้องเชื้อเพลิงนั้นเพิ่มสปีดและผ่อนในเวลาที่เชื้อเพลิงใกล้จะหมด
  3.  เพิ่มเวลาในการเผไหม้สม่ำเสมอ และไม่เผาไหมหมอเร็วจนเกินไป
  4. เปรียบสเหมือนการเข้าเกียรรถที่ติดเทอโบ
     กรดไนติกหรือดินประสิว มีบทบาทในการเอามาทำเครื่องยนต์ของบั้งไฟ โดยนำเอาดินประสิวเอามาผสมกับถ่าน ซึ่งทำการบดให้ละเอียด แล้วนำมาผสมกัน เพื่อทำเชื้อเพลิง แล้วนำเอาไปอัดเชื้อเพลิงให้แข็งในท่อ พีวีชี หรือกระบอก และนอกจากดินปะสิวจะนำมาทำเชื้อเพลิงบั้งไฟแล้วนั้น ยังเอามาใส่ในเนื้อหรือผสมกับอาหารในปริมาณที่ตาม อย.กำหนดอีกด้วย
 ท่อที่เหมาะสำหรับการทำบั้งไฟ
      เอาตั้งแต่ท่อที่นำมาอัดบั้งไฟก็มีบทบาทและเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนบั้งไฟลอยขึ้นสุ่ท้องฟ้า ท่อที่เหมาะเอามาทำบั้งไฟต้องมีการเคลือบโพลิเมอร์หนามากกว่าปกติ เหตุที่ต้องเคลือบหนาเพราะโพลิเมอร์บรฺสุทธิจะมีความทนต่อการเผาไหมได้สูง และมีคุณสมบัติไม่ลามไฟ เมื่อเกิดการเผาไหมที่มีอุณหภูมิสูงถึง 1800 องศาแล้วนั้นเมื่ออุณหภูมิสูง ในการนำเอาโพลิเมอมาเคลือบผิวเพื่อไม่ให้เกิดการพังก่อนที่เชื้อเพลิงจะหมด 
ถ่านที่นำมาผสมกับดินประสิว
      ถ่านที่นำมาผสมกับดินประสิวต้องเป็นไม้เนื้อ่อนแต่ไม่ใช่เสมอไปจาการวิจัย ถ่านที่นำมาผสมกับดินประสิวไม่จำเป็นต้องเป็นไม้เน้ออ่อนแค่เป็นถ่านก็ได้แล้ว
     แต่ไม่ใช่ว่าจะทำให้บั้งไฟลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าได้แบบไม่สดุดเลยมันอาจจะละเบิดกลางอากาศเลยก็ได้ถ้าไม่รู้อัตตราส่วนที่แน่นนอน ต้องมีการศึกษาอัตตราส่วนที่แน่นนอนก่อนที่จะนำไม้มาทำถ่านที่ผสมกับดินประสิว
     สาเหตุที่บั้งไฟมีการสดุดกลางอากาศคนมักจะพูดว่าขึ้นอยู่กับการล้างบั้งไฟ แต่ไม่ใช่ที่สาเหตุนั้นอย่างเดียว มันเกี่ยวข้องกับถ่านที่นำมาทำด้วย และมีผลถึง 80%เลย
    ถ่านที่เรานำมาทำส่วนผสมนั้นอาจจะไม่ได้ผลิตขึ้นเอง เพราะไม่มีไม้ต้องไปซื้อมาและน้ำหนักไม่ได้มาตรฐาน อีกสารเหตุหนึ่งถ่านไม่สุก หรือการเผาถ่าน  ไหม้ไม่หมด อาจจะมองไม่เห็นว่าคงยังเป็นเนื้อไม้หรอก แต่เรานำไปบรรจุแล้วนำไปจุดบั้งไฟจะเผาไหม้ไม่หมดและทำให้รูของบั้งไฟตัน แล้วเมื่อการเผาไหมสูงขึ้น เขม่าก็มากขึ้นการระบายไม่ดีก็ไม่มีแรงส่งตัวขึ้นไป ทำให้ม้วนหรือลำดาบที่รู้จักกัน
   ชะนั้นแล้วถ่านที่นำมาทำไม่จำเป็นต้องเป็นไม้เนื้อแข็งหรือไม้เนื้ออ่อน แต่ต้องมีการเผาที่ดีและสุก เป็นอีกตัวช่วยสำหรับการทำบั้งไฟ
ดินประสิว
ดินประสิว เป็นสารเคมีหลักที่นำมาทำเชื้อเพลิงบั้งไฟ ดินประสิวที่ดีต้องมีความชื้นน้อยและสะอาด และมีความสดใหม่เพราะถ้าเก็บไว้นานสารเคมีตัวนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงตัวเอง และประสิทธิ์ภาพของมันจะเพิ่มขึ้นมาก จะทำให้อัตราการผสมเปลี่ยนไปจะทำให้ช่างบั้งไฟเจอกับปัญหาโลกแตกว่าทำไมบั้งไฟถึงไม่เหมือนเดิมไม่ต้องตกใจถ้าดินประสิวมีอายุเกินปีหนึ่งเราก็ไม่ต้องซื้อนั้นเองแต่โอกาสน้อยมากที่จะเจอแบบนี้ 
  ดินประสิวได้มาจากการสกัดจากมูลค้างค้าวซึ่งหาได้ตามถํ้าที่มีค้างค้าวอาสัยอยู่แต่ทุกกวันนี้มีประเทศจีนมีการเลี้ยงค้างเพื่อผลิตดินประสิว แต่ไม่ใช่ว่าจะได้จากมูลของค้างคาวอย่างเดี่ยวยังสามารถสกัดจากการทับถมของใบไม้เป็นจำนวนมากจะทำให้เกิดเป็นก๊าสขึ้นมาเมื่อนำก๊าสมาแยก ก็จะได้กรดไนติกออกมาเช่นกัน
 ติดตามสูตรเคล็ดลับการทำบั้งไฟได้อีกในวันต่อไป


   


ดินประสิว

    ดินประสิว

 กรดไนตริก (HNO3), หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่ากรดดินประสิว เป็นกรดที่มีอันตรายมาก หากสัมผัสจะทำให้เกิดแผลไหม้ขั้นรุนแรง กรดไนตริกนี้ ค้นพบโดยการสังเคราะห์ โดย Muslim alchemist Jabir ibn Hayyan.ประมาณ ค.ศ.800

       กรดบริสุทธิ์ จะใส ไร้สี หากเก็บไว้นานจะมีสีเหลือง เนื่องจากมีส่วนประกอบของ ออกไซโของไนโตรเจน หากกรดมีความเข้มข้นสูงเกินกว่า 86% จะมีไอระเหยของกรดขึ้นมา ไอของกรดที่ระเหยออกมาจะเป็นมีขาว หรืออาจเป็นสีแดงขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของไนโตรเจนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้น 


คุณสมบัติ
กรดไนตริกบริสุทธ์ 100% (ปราศจากน้ำ) จะเป็นของเหลวที่มีความหนาแน่น 1,552 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร และจะเป็นของแข็งที่อุณหภูมิ -42 °C ลูกบาศก์ โดยจะเป็นผลึกสีขาว และจะเดือดที่อุณหภูมิ 83 °C แต่ก็สามารถเดือดในที่ ที่มีแสงสว่าง ทั้ง ๆ ที่อยู่ในอุณหภูมิห้อง จะมีการสลายตัวในรูปแบบไนโตรเจนไดออกไซด์ ตามปฏิกิริยา ดังนี้

4HNO3 → 2H2O + 4NO2 + O2 (72°C) 


     นั่นหมายความว่า กรดไนตริกบริสุทธิ์ที่ปราศจากน้ำเจือปน ความเก็บไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 0 °C เพื่อป้องกันการสลายตัว ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ที่ละลายกลับเข้าไปที่กรดไนตริกจะมีสีเหลือง หรือเป็นสีแดงที่อุณหภูมิสูง ในขณะที่กรดไนตริกบริสุทธิ์ จะให้ไอสีขาวแพร่กระจายในอากาศ ส่วนกรดที่มีไนโตรเจนไดออกไซด์ละลายอยู่จะให้ไอสีแดงอมน้ำตาล 


กรดไนตริกสามารถละลายในน้ำได้ทุกอัตราส่วน  ที่ความเข้มข้น 68% HNO3 จะเป็นสารละลายอะซีโอโพรพ (ของเหลวผสมที่มีจุดเดือดสูงสุดและต่ำสุดที่ สามารถกลั่นออกโดยไม่มีการสลายตัวและเป็นสัดส่วนที่แน่นอน เช่น ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์กับน้ำ) ซึ่งที่ความเข้มข้น 68% นี้ กรดจะเดือดที่อุณหภูมิ 120.5 °C (ที่ความกดดันชั้นบรรยากาศ 1 atm) กรดสามารถอยู่ในรูปของแข็งไฮเดรต (สารประกอบที่มีโมเลกุลของน้ำอยู่ด้วย) ได้สองรูปแบบคือ โมโนไฮเดรต (monohydrate [HNO3·H2O]) และ ไตรไฮเดรต (trihydrate [HNO3·3H2O])


    ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) สามารถละลายในกรดไนตริกได้  ซึ่งจะละลายได้มากน้อยเพียงได้ขึ้นอยู่กับ ความเข้มข้นของออกไซด์  รวมถึงความดันไอที่อยู่เหนือของเหลว อุณหภูมิ ซึ่งจะแสดงออกเป็นสีต่าง ๆ กันตามที่ได้กล่าวมาแล้ว


คุณสมบัติทางกรด

     เช่นเดียวกับกรดทั่วไป กรดไนตริกเมื่อทำปฏิกิริยากับด่าง ออกไซด์พื้นฐาน และคาร์โบเนตท์ ให้สารประกอบในรูปของเกลือ  ตัวอย่างเช่น แอมโมเนียมไนเตรด ด้วยธรรมชาติของการออกซิเดชั่น กรดไนตริกจะไม่ยอมปล่อยโปรตอนของมัน (นั่นคือไม่ปล่อยอะตอมของไฮโดรเจนออกไป) เมื่อทำปฏิกิริยากับโลหะและได้เกลือซึ่งจะมีสถานะออกซิไดซ์ที่สูงขึ้น จึงทำให้มีการกัดกร่อนที่รุนแรงกับโลหะ และควรใช้งานอย่างระมัดระวังเมื่อทำงานใกล้โลหะหรืออัลลอยส์

     กรดไนตริกมี ค่าคงที่สมดุลของการแตกตัวของเบสอ่อน (acid dissociation constant [pKa]) −1.4 เมื่อละลายในน้ำที่ 93% ที่ 0.1 โมลต่อลิตร จะมีการแตกตัวของไอออนเป็น ไนเตรดไอออน [NO3-] และไนเตรตโปรตอน ซึ่งรู้จักในชื่อ ไฮโดรเนียมไอออน H3O+.

HNO3 + H2O → H3O+ + NO3-

ปฏิกิริยากับโลหะ

กรดไนตริกมีสามารถสูงในการทำออกซิไดซ์สูงมาก สามารถทำปฏิกิริยากับสารอินทรีย์หลายชนิด ปฏิกิริยารุนแรงจนสามารถระเบิดได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของกรด อุณหภูมิ  และตัวลดออกซิเจน(ในปฏิกิริยาที่มีออกซิเจนเกี่ยวข้อง) ที่เกี่ยวข้อง ผลของปฏิกิริยาที่ได้มีหลากหลาย  ปฏิกิริยาสามารถเกิดขึ้นได้กับโลหะแทบทุกชนิด ยกเว้นตระกูลโลหะมีค่า (ทองคำ,เงิน,เพลตตินั่ม,พลาลาเดียม,รูธีเนี่ยม,โรเดี่ยม,ออสเมี่ยม,อิริเดี่ยม) และโลหะผสมบางชนิด (อัลลอย)  ปฏิกิริยารีแอคชั่นที่เกิดขึ้นกับกรดเข้มข้นจะมีก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ขึ้น (NO2).

Cu + 4HNO3 → Cu(NO3)2 + 2NO2 + 2H2O